"พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541
มีสาระสำคัญดังนี้"
|
|
1. วันทำงานไม่เกินสัปดาห์ละ 6 วัน
2 .
กำหนดเวลาทำงานปกติในทุกประเภทไม่เกิน 8 ชั่วโมง / วัน หรือไม่เกิน 48 ชั่วโมง /
สัปดาห์ ถ้าเป็นการทำงานอันตรายต่อสุขภาพตามกฏกระทรวง กำหนดให้ทำงานไม่เกิน 7
ชั่วโมง / วัน หรือไม่เกิน 42 ชั่วโมง/สัปดาห์
3 .
กำหนดเวลาพักระหว่างวันทำงาน ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง
อาจตกลงพักน้อยกว่าครั้งละ 1 ชั่วโมงก็ได้ แต่รวมกันไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง / วัน
4 . กำหนดให้มีวันหยุดประจำสัปดาห์ ไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 1 วัน
ห่างกันไม่เกิน 6 วัน และวันหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่าปีละ 13 วัน
รวมวันแรงงานแห่งชาติด้วย สำหรับวันหยุดผักผ่อนประจำปี ไม่น้อยกว่า 6 วันทำการ
เมื่อลูกจ้างทำงานครบ 1 ปี
|
|
1. อัตราค่าจ้างขั้นต่ำของจังหวัดภูเก็ตคือ 181
บาท/วัน
2. ค่าล่วงเวลา และค่าทำงานในวันหยุด
- ทำเกินเวลาทำงานปกติของวันทำงาน ได้รับค่าล่วงเวลา 1.5
เท่าของอัตราค่าจ้าง/ชั่วโมง
- ทำงานในวันหยุดในเวลาปกติ / สำหรับวันหยุดที่ได้ค่าจ้างจะได้รับเพิ่มอีก 1 เท่า ในวันหยุดที่ไม่ได้รับค่าจ้างจะได้รับเพิ่มเป็น 2
เท่าของค่าจ้างในวันทำงาน
- ทำงานล่วงเวลาในวันหยุด ได้รับค่าล่วงเวลาในวันหยุดไม่น้อยกว่า 3
เท่าของอัตราค่าจ้างต่อชั่วโมง ในวันทำงานตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ
3.
ลูกจ้างทั้งชายและหญิง มีสิทธิได้รับค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด
และค่าล่วงเวลาในวันหยุด
เท่าเทียมกันในงานที่มีลักษณะและคุณภาพอย่างเดียวกันและปริมาณเท่ากัน |
|
1. ลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง
แต่ได้รับค่าจ้างไม่เกิน 30 วันทำงาน
2. ลาคลอดได้ไม่เกิน 90 วัน
โดยได้รับค่าจ้าง 45 วัน
3. ลาเพื่อรับราชการทหาร ได้ไม่เกินปีละ 60 วัน
โดยได้รับค่าจ้าง
4.
ลาเพื่อทำหมันได้รับค่าจ้างตลอดเวลาที่แพทย์วินิจฉัยให้หยุด
5. ลากิจธุระ
อันจำเป็น แล้วแต่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกัน
6.
ลาเพื่อเข้ารับการอบรม
วันหยุด
1.
วันหยุดประจำสัปดาห์ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน
สำหรับลูกจ้างรายวันไม่ได้รับค่าจ้าง
2. วันหยุดตามประเพณี อย่างน้อยปีละ 13
วัน (รวมวันแรงงานแห่งชาติแล้ว) โดยได้รับค่าจ้าง
3. วันหยุดพักผ่อนประจำปี
ปีละ 6 วันทำงาน โดยได้รับค่าจ้าง
ซึ่งนายจ้างเป็นผู้กำหนดวันหยุดดังกล่าว
|
|
1. ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชย หากนายจ้างเลิกจ้าง
โดยลูกจ้างไม่มีความผิดดังนี้
1) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 120
วันแต่ไม่ครบ 1 ปี มีสิทธิได้รับเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน 2)
ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 1 ปีแต่ไม่ครบ 3 ปี
มีสิทธิได้รับเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน 3)
ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 3 ปีแต่ไม่ครบ 6 ปี
มีสิทธิได้รับเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วัน 4)
ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 6 ปีแต่ไม่ครบ 10 ปี
มีสิทธิได้รับเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 240 วัน 5)
ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 10 ปีขึ้นไป มีสิทธิได้รับเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย
300 วัน
2. กรณีย้ายสถานประกอบการ
นายจ้างต้องแจ้งให้แก่ลูกจ้างทราบล่วงหน้าไม่เกิน 30 วัน
หากลูกจ้างไม่ต้องการไปทำงานด้วย ลูกจ้างมีสิทธิบอกเลิกสัญญา
โดยได้รับค่าชดเชยพิเศษ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50
ของอัตราค่าชดเชยที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับ
3. ค่าชดเชยพิเศษ
ในกรณีที่นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างเพราะเหตุปรับปรุงหน่วยงานกระบวนการผลิต การจำหน่ายหรือการบริการ
อันเนื่องมาจากการนำเครื่องจักรมาใช้หรือเปลี่ยนแปลงเครื่องจักรหรือเทคโนโลยี
หากนายจ้าง ไม่แจ้งล่วงหน้าหรือแจ้งล่วงหน้าน้อยกว่าระยะเวลา 60
วันนายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษดังนี้
1)
ลูกจ้างจะได้รับค่าบอกกล่าวล่วงหน้า 60 วัน 2)
ลูกจ้างจะได้รับค่าชดเชยตามกฏหมาย 3) ลูกจ้างที่มีอายุงาน 6 ปีขึ้นไป
มีสิทธิได้รับค่าชดเชยพิเศษปีละ 15 วัน เมื่อรวมค่าชดเชยทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 360
วัน
นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้ (1)
ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง (2)
จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย (3)
ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง (4)
ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานหรือระเบียบหรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม
และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว
เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรงนายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน
หนังสือเตือนให้มีผลบังคับใช้ได้ไม่เกินหนึ่งปี
นับแต่วันที่ลูกจ้างได้กระทำผิด (5)
ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีสาเหตุอันสมควร (6)
ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุด
เว้นแต่เป็นนักโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
|
|
1. ห้ามใช้แรงงานเด็ก อายุต่ำกว่า 15 ปีทำงานโดยเด็ดขาด
2. ห้ามใช้แรงงานเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
ในกิจการบางประเภท และทำงานระหว่างเวลา 22.00 น. - 06.00 น.
ทำงานวันหยุดและทำงานล่วงเวลา
3. ห้ามใช้แรงงานเด็กในสถานที่ เต้นรำ รำวง
หรือรองเง็ง และตามที่กำหนดในกฏหมาย
4. ให้ลูกจ้างเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี
มีสิทธิลาเพื่อรับการอบรม สัมมนา ที่จัดโดยสถานศึกษา หรือหน่วยงานของรัฐ
โดยได้รับค่าจ้างแต่ไม่เกิน 30 วันต่อปี
5. การว่าจ้างแรงงานเด็กต่ำกว่า 18 ปี ต้องแจ้งพนักงานตรวจแรงงานภายใน
15 วัน นับตั้งแต่วันที่เด็กเข้าทำงาน |
|
1. การใช้แรงงานหญิง
ห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างหญิงทำงานต่อไปนี้
- งานเหมืองแร่หรืองานก่อสร้างที่ต้องทำใต้ดิน ใต้น้ำ ในถ้ำ ในอุโมงค์
หรือปล่องในภูเขาเว้นแต่ลักษณะของงาน ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือ
ร่างกายของลูกจ้างหญิงนั้น
- งานที่ต้องทำบนนั่งร้านที่สูงกว่าพื้นดินตั้งแต่ 10 เมตรขึ้นไป
- งานผลิตหรือขนส่งวัตถุระเบิดหรือวัตถุไวไฟ
- งานอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
2.
ห้ามนายจ้างให้ลูกจ้างหญิงที่มีครรภ์ทำงานในระหว่างเวลา 22.00น.-06.00น.
ทำงานล่วงเวลา ทำงานในวันหยุดหรือทำงานอย่างหนึ่งอย่างใด
3.
ห้ามนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างหญิงเพราะเหตุมีครรภ์
4.
ให้แรงงานหญิงมีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตร ครรภ์หนึ่งไม่เกิน 90 วัน
5.
ห้ามนายจ้าง หัวหน้างาน ผู้ควบคุมงานหรือผู้ตรวจงาน ล่วงเกินทางเพศต่อแรงงานหญิง
หรือเด็ก |
|
1. ให้นายจ้างหรือสถานประกอบการที่มีลูกจ้างน้อยกว่า 50
คน ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในการทำงาน ระดับพื้นฐาน
ระดับหัวหน้างาน และระดับบริหาร
เพื่อดูแลความปลอดภัยในการทำงานของสถานประกอบการร่วมกับนายจ้าง
2.
การกำหนดให้นายจ้างหรือสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คน ขึ้นไป
ต้องจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย ในการทำงานระดับหัวหน้างาน ระดับบริหาร
และระดับวิชาชีพ
3. กำหนดให้สถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป
ต้องจัดให้มีคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานประกอบด้วย
นายจ้าง ผู้แทนระดบับังคับบัญชา ผู้แทนลูกจ้างระดับปฏิบัติการ
และเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน โดยมีคณะกรรมการ ตามขนาดของสถานประกอบการ
4.
การให้ความคุ้มครองอันตรายส่วนบุคคลที่เหมาะสมกับสภาพงานและได้มาตรฐานโดยให้นายจ้างเป็นผู้จัดให้
อาทิ ตามที่กำหนดในกฏกระทรวง
ให้นายจ้างต้องจัดอุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยสาวนบุคคลให้ลูกจ้างตามลักษณะของงาน
และลูกจ้างต้องสวมใส่อุปกรณ์ดังกล่าวตลอดเวลาการทำงานโดยบังคับ |
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น